วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

นานา สมาชิกใหม่ของบ้านน้อยหลังนี้

หลังจากนานาคลอดได้ 3 วัน คุณแม่ก็พานานากลับบ้านที่เพิ่งจะซื้อเตรียมไว้รอลูกรัก นานาเป็นเด็กทารกที่เลี้ยงง่ายมาก กินแล้วก็นอน อึฉี่วันละเป็นสิบๆรอบ แต่ก็ไม่เคยงอแง จะร้องเฉพาะตอนหิวนมเท่านั้น ปกติเด็กทารกทั่วไปจะกินนมทุก 2-3 ชั่วโมง แต่นานากินทุก 3-6 ชั่วโมง กินทีเยอะมากจนท้องบาน แล้วก็นอนนาน จนคุณแม่กังวลว่าลูกจะได้นมน้อย จะพาลไม่โต แต่นานาไม่ใช่ น้ำหนักขึ้นพรวดๆ จนเป็น 2 เท่าของแรกเกิดภายใน 2เดือน (ปกติจะขึ้นเป็น 2 เท่าประมาณ 4 เดือน)

บ้านน้อยที่คุณแม่กับคุณพ่อเตรียมไว้รอนานา
แขนขาเล็กๆเรียวๆ ที่กำลังจะกลายเป็นปล้องๆในเวลาไม่นาน


อายุ 7 วัน
หน้ายังเรียวอยู่
1 เดือน เริ่มมีแก้ม ยิ้มทะเล้นๆให้แม่
อายุ 1.5 เดือน น่ารักมั้ยคะ

ถ่ายรูปกับคุณแม่ในวันแม่
หนูหิวแล้วค่า
อารมณ์ดีตอนเช้าๆ

คุณแม่ตัดผมหน้าม้าให้นานา (2เดือนครึ่ง)
มัดจุกเป็นชุนหลี
สดใสๆยามเที่ยง

ตอนนี้นานาอายุครบ 3เดือน น้ำหนัก 6.2 กก. ยาว 60 cm. ค่ะ


วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

ในวันที่หนูลืมตาดูโลกใบนี้

หลังจากฝากท้องมาจนจะถึงกำหนดคลอด คุณหมอสูติได้ถามว่าแม่จะเลือกวิธีคลอดแบบไหน แน่นอน แม่ตอบโดยไม่ลังเลว่าผ่าคลอดแน่นอนค่ะ!!  เพราะยังจำติดตาสมัยเรียนแพทย์ ตอนผ่านแผนกสูตินรีเวช ต้องไปเฝ้าคลอด แม่ๆแต่ละคนกว่าจะคลอดได้ ต้องทนเจ็บท้องหลายชั่วโมง บางทีข้ามวัน แถมระหว่างนั้นต้องโดนตรวจภายใน เพื่อประเมินปากมดลูกเป็นระยะๆ เห็นแล้วก็คิดเลยว่า ชั้นจะไม่คลอดวิธีนี้เด็ดขาด แต่พอไปเข้าเคสผ่าคลอด แม่ๆทุกคนก็มาแบบชิวๆ ไม่ต้องเจ็บท้อง ตอนคลอดก็บล็อคหลัง ไม่เจ็บ หลังคลอดอาจเจ็บหน่อย แต่เทียบกับการคลอดธรรมชาติแล้ว น่าเลือกกว่ามาก เลยนัดวันผ่าคลอด เป็นวันที่ 7 มิย. 55 ซึ่งเป็นวันพฤหัสบดี วันเดียวกับพ่อของหนู และเป็นวันที่ดี ตอนนั้น หนูก็ อายุครรภ์ 38 wk+4 พอดี

แม่เตรียมของสําหรับลูกสาวที่กําลังจะเกิดเอาไว้มากมาย เทียวไปหาซื้อหลายรอบ กว่าจะคิดว่าน่าจะครบ ก่อนจะถึงวันคลอด แม่เดินช็อปปิ้งเยอะมาก ไปกินของที่อยากกิน แต่ก็กินได้ไม่เยอะเพราะอึดอัดพุงที่มีเจ้าตัวน้อยของแม่นอนอยู่ เพราะรู้ว่าหลังคลอดแม่คงทําอะไร ไปไหนต่อไหนไม่ได้อีกหลายเดือน เลยรีบทําไว้ก่อน พอเดินเยอะหน่อย หนูก็ประท้วงโดยทําให้ท้องแข็งเป็นพักๆ แม่ก็ต้องหยุดพักไปด้วย แต่หนูก็เป็นเด็กดี อดทนรอจนถึงวันที่เรานัดกับหมอไว้
ของมากมายที่ซื้อเตรียมไว้ให้ลูกน้อย
ห้องและเตียงที่รอหนูมานอน


เช้าวันที่7 มิย.54 ฝนตกหนักมาก พ่อกับแม่ และคุณตาคุณยายตื่นกันแต่เช้า 7โมงก็ขับรถฝ่าสายฝนไปที่รพ.กรุงเทพ เพื่อไปผ่าคลอด แม่รอช่วงเวลานี้มานานเกือบ10เดือน วันนี้แล้วสินะ แม่มีความสุขมาก ตื่นเต้นรอเจอลูกสาวแม่ จะหน้าเหมือนใคร จะแข็งแรงสมบูรณ์รึเปล่า ผิวจะขาวเหมือนพ่อหรือจะคลํ้าเหมือนแม่ ตอนนั้นแม่ภาวนาให้หนูเหมือนพ่อของหนูละกัน เพราะพ่อของหนูผิวสวย ตาสวย ปากนิดจมูกหน่อย แม่คิดไประหว่างเตรียมตัวรอเข้าห้องผ่าตัด
ฝนตกหนักจนมองแทบไม่เห็นทางในเช้าตรู่วันที่ 7/6/55


8.30 น. พยาบาลORก็มาพาแม่เข้าห้องผ่าตัดทําการบล็อคหลัง รอจนขาและท้องชาจะขยับไม่ได้ คุณหมอสูติก็เข้ามาทักทาย ก่อนลงมีด คุณะพ่อก็มานั่งเป็นกําลังใจอยู่ด้วยตลอด สักพัก คุณพยาบาลก็มากดๆดันๆตรงท้องแม่เพื่อดันให้ลูกออกมา แม่ได้ยินคุณหมออุทานว่า "อุ๊ย หัวโตจัง" แน่สิ ก็หนูเป็นเด็กฉลาด สมองเลยเยอะ :)

เวลา 9โมง 12 นาที เป็นเวลาที่หนูออกมา แม่ได้ยินเสียงหนูแผดร้องดังมาก จนคุณพยาบาลในห้องพูดว่า ไปโกรธใครมารึเปล่าเนี่ย คงจะโกรธที่หนูหลับสบายอยู่ดีๆในท้องแม่ ก็มาดึงหนูออกมาซะงั้น 555 ตอนนั้นแม่ลุ้นเจอหน้าลูกมาก หลังจากที่เค้าเอาหนูไปเช็ดตัว วอร์มร่างกายเรียบร้อย เค้าก็ห่อหนูมาให้แม่ชื่นชม แม่เห็นแต่ตากับจมูกของหนูที่โผล่มานอกผ้า ช่างสวยงามเหลือเกิน แม่ได้จุ๊บหนู1ที ก่อนที่เค้าจะพาหนูไปobserveที่nursery หลังจากนั้นแม่ก็รอให้คุณหมอเย็บปิดหน้าท้อง คุณพ่อก็ออกไปดูหนูที่nurseryพร้อมคุณตาคุณยาย
Our first met

อ้าปากร้องเต็มเสียง หลังจากถูกปลุกมาจากท้องแม่

หนูน้อยนานา ออกมาด้วยน้ำหนักตัว 2750 กรัม ยาว 51 cm. HC 33 cm. จิ๋วแต่เเจ๋วนะคะ

หลังคลอด คุณพยาบาลพานานามาหาคุณแม่ประมาณบ่ายๆ เด็กน้อยคนหนึ่งที่ถูกห่อตัวไว้มิดชิด มีแต่หน้าตาจิ้มลิ้มที่เปิดไว้ ไม่น่าเชื่อว่าลูกเราจะน่ารักได้ขนาดนี้ 555 พ่อกับแม่แม้จะเป็นหมอ เคยผ่านwardเด็ก เคยอุ้มเด็กอ่อนมาแล้ว ก็ยังเก้ๆกังๆอุ้มลูกสาวตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่คุณพ่อหนูเก่ง ดูทะมัดทะแมงกว่าแม่มากนัก :)


อีกสักพัก เจ้าหน้าที่ส่งเสริมนมแม่ก็มาให้คำแนะนำเกี่ยวกับท่าให้นม การนวดกระตุ้นน้ำนม หนูดูดเต้าเปล่าของคุณแม่ไม่นานก็ร้อง เพราะน้ำนมยังไม่มา (แม่ต้องงดน้ำ งดอาหารหลังผ่าตัดต่ออีกวัน น้ำนมเลยมาช้า) แม่เลยป้อนนมผสมให้หนูกินกันหิว คืนนั้นหนูก็ร้องงอแงทั้งคืนเพราะไม่มีนมกิน และแม่ยังแข็งใจให้ดูดเต้ากระตุ้นน้ำนม ผลัดกันปลอบ ผลัดกันอุ้มกับคุณพ่อกันทั้งคืน จน 6โมงเช้า พยาบาลมารับหนูไปอาบน้ำ นั่นแหล่ะ พ่อกับแม่ถึงได้นอน
นอนกับลูกน้อย
สภาพคุณพ่อ หลังจากต้องช่วยปลอบลูกมาทั้งคืน

วันที่ 8/6/55 หนูอายุ 2 วัน ยังกินนมผสมอยู่เพราะน้ำนมแม่ยังไม่มา หนูเลยเริ่มเหลือง คุณแม่เริ่มกังวลนิดๆ แต่ก็ต้องพยายามผ่อนคลาย เพราะถ้าเครียด น้ำนมจะมาช้า วันนี้คุณหมอให้เริ่มจิบน้ำได้ แม่ก็จิบน้ำขิงเลย จะได้กระตุ้นน้ำนม บ่ายๆ นมก็เริ่มคัด แม่ดีใจมาก ลูกสาวแม่จะมีนมกินแล้ว :)

วันที่ 9/6/55 แม้นมจะมาแล้ว แต่ก็ยังไม่มาก หนูเหลืองมากขึ้น จนหมอเด็กต้องเจาะ MB ผลออกมาคือเหลืองแต่ไม่ถึงขั้นต้องส่องไฟ แม่เลยโล่งใจ พยายามให้หนูดูดกระตุ้นบ่อยๆ จะได้หายเหลือง




วันที่ 10/6/55 วันนี้หนูจะได้กลับบ้านแล้ว แม่กับพ่อเลยต้องไปเรียนรู้วิธีอาบน้ำเด็กกับคุณพยาบาลที่ nursery นานาของแม่ไม่เห็นร้องไห้แงๆเหมือนเด็กคนอื่นเลย แค่ตื่นมาขมวดคิ้วมองคุณแม่ว่าทำอะไรกับหนูอยู่เนี่ย 5555

แล้วก็ถึงเวลากลับบ้าน....

เลือกชื่อเล่น กว่าจะได้ชื่อนี้

พอรู้เพศลูกน้อยว่าเป็นลูกสาว คุณแม่และเพื่อนๆแกงค์ไหล ก็ได้ช่วยกันคิดชื่อเล่นของลูกสาวแม่ มีชื่อเล่นน่ารักๆมากมาย ลองเอามาให้คุณพ่อเลือก ก็ไม่เอาสักชื่อ ตอนแรกเข้าใจว่าหนูเป็นเด็กผู้ชาย(เพราะเซียมซีบอก) แม่กับพ่อเลยตั้งชื่อว่าน้องพาย ที่แปลว่าลม เพราะหนูเกิดเดือน มิย. เป็นธาตุลม แต่พอหนูเป็นผู้หญิง เลยต้องคิดชื่อกันใหม่

จริงๆสมัยใช้ทุน แม่ชอบดูseries เรื่อง the OC และชอบsummerซึ่งเป็นสาวน้อยน่ารัก มากอุดมการณ์ (แสดงโดย racheal bilson) พ่อหนูก็ชอบเด็กสาวคนนี้ เลยอยากตั้งชื่อหนูว่า summer ติดตรงที่หนูจะเกิดเดือน มิย.ซึ่งเป็นหน้าฝน เลยต้องตัดไป

คิดไปคิดมา ก็ชอบชื่อ เพลิน เพราะฟังแล้วเพลิดเพลินดี แถมยังคล้องกับพาย (ลูกคนต่อไป ถ้าเป็นลูกชายจะตั้งชื่อนี้) ก็เรียกหนูว่าน้องเพลินมาจน 8 เดือน แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนอีก 555 เหตุผลที่เปลี่ยนเพราะไปซ้ำกับชื่อเพื่อนของแม่ แม่เลยไม่อยากให้ชื่อซ้ำคนที่รู้จัก เลยขอคุณพ่อของหนูเปลี่ยนชื่อเล่นหนูใหม่ คิดอยู่นาน หลายชื่อ จนได้ นานา (มาจาก โน๊ต+ปลา) ก็น่ารักดีแฮะ :)

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

กว่าจะได้เจอเจ้าตัวน้อย

เปิดบล็อกมาเพื่อเจ้าตัวน้อยของคุณแม่ อยากจะเล่าเรื่องราวที่ประทับใจที่สุดในชีวิตไว้ให้เจ้าได้อ่านเมื่อยามเจ้าเติบโตขึ้น...

ปกติแล้วฉันเป็นcaffeine addict ต้องกินกาแฟทุกวัน (กาแฟสดเย็นเท่านั้น และต้องร้านที่ทำอร่อย ไม่อร่อยไม่กิน 555) กินมาตั้งแต่สมัยเรียน ถ้าไม่กิน มีอันปวดหัวไมเกรน ทรมานไปหลายวันเลยทีเดียว แต่พอแต่งงาน (หลังเรียนจบ) ก็ตั้งใจว่าอยากจะมีเจ้าตัวเล็กมาให้ชื่นใจ เลยพยายามลดกาแฟ กินห่างขึ้น กินแบบdecafบ้าง จนเลิกได้ภายใน 1 เดือน ปวดหัวต้องนอนกินยาอยู่หลายวัน แต่ด้วยความที่ตั้งใจจะเลิกให้ได้ เพื่อเตรียมตัวตั้งครรภ์ เลยเลิกได้ในที่สุด ไม่น่าเชื่อว่าสามารถตัดขาดสิ่งที่เคยทำเป็นประจำทุกวันมาเป็นสิบๆปีได้ในเดือนเดียวได้ ภูมิใจจริงๆ 555

หลังจากเลิกกาแฟได้ ฉันก็ตั้งใจจะมีน้อง และในความตั้งใจเพียงครั้งเดียว (จริงๆ) ก็ตรวจเจอ 2 ขีดในเดือนถัดมา (รวดเร็วมาก) จริงๆแล้วultrasoundเจอ sacก่อนจะไปตรวจ UPT (เพราะฉันเป็นหมอรังสี การตรวจUSมันง่ายแค่เดินมาที่ทำงาน ไม่ต้องลำบากออกไปซื้อแท่งตรวจครรภ์) ตอนนั้นดีใจมาก รีบupdate ใน whatsappให้เพื่อนแกงค์ไหลได้รับรู้ ก่อนจะบอกกับโน๊ต (คุณสามี)ซะอีก 555 (แกงค์ไหล คือสาวๆชาวรังสีทีเรียนมาพร้อมกับฉัน เป็นกลุ่มคนที่ไหลไปได้เรื่อยๆ ไม่รีบไม่ร้อน คอยช่วยเหลือกันและกันเสมอ) ตอนนั้น (ตค. 54) ทำงานที่รพ.หัวหิน แต่โน๊ตไปทำงานที่ภูเก็ต โชคดีมากที่สัปดาห์นั้นโน๊ตกลับมาหัวหินเพื่อมาเอารถไปใช้ เลยได้อยู่ใน moment of happiness  ร่วมกัน :)
ultrasound เจอ sac หลังปจด.ขาด 2 วัน รวดเร็วมาก
2 ขีดชัวร์ๆจ้า
 


แต่เรื่องนี้ก็ทำให้ชีวิตพลิกผันครั้งใหญ่ การที่ฉันตั้งท้อง แต่สามีทำงานไม่เป็นหลักแหล่ง ต้องย้ายไปทำจังหวัดนั้นที จังหวัดโน้นที เราจะลำบากแน่ถ้าท้องแก่ หรือแม้แต่ตอนคลอดและหลังคลอด คิดไปต่างๆนานา เลยต้องมาช่วยกันหาทางออก เดือนนั้นโน๊ตทำงานที่ภูเก็ต และมีเพื่อนที่เรียนด้วยกันทำอยู่ที่นั่น พอดีรพ.นั้นไม่ต้องย้ายที่ทำงานไปตามจังหวัดต่างๆ และฉันก็มีเพื่อนทำงานที่รพ.แห่งหนึ่งในภูเก็ต และรพ.นั้นยังต้องการหมอรังสีอีก 1 ตำแหน่งพอดี ฉันเลยหาเวลามาเยี่ยมโน๊ต และมาดูรพ.ที่เพื่อนทำอยู่ ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไรจริงจังเรื่องย้าย พอมาดูรพ. ก็รู้สึกชอบ บรรยากาศดี พี่หัวหน้าแผนกก็ใจดี แถมได้อยู่กับเพื่อนด้วยจึตัดสินใจได้ไม่ยาก คิดว่าที่นี่แหล่ะลงตัวสุดๆ เลยกลับไปหัวหิน ทำเรื่องลาออก แล้วก็ย้ายมาทำงานที่ภูเก็ตเดือน ธค. 54

ระหว่างที่รอมาทำงานที่ภูเก็ต ก็ท้องอ่อนๆ ยังไม่ได้ไปฝากท้องที่ไหน เพราะต้องย้ายอยู่แล้ว ก็อาศัยถามเพื่อนที่เป็นหมอสูติว่าต้องดูแลตัวเองยังไง กินยาอะไรบ้าง ลูกทุ่งสุดๆ ตอนนั้นแพ้ท้องไม่มาก แค่เวียนหัว คลื่นไส้ ไม่ถึงกับอาเจียนอะไร กินข้าวได้แต่น้อยลง น้ำหนักเลยไม่ขึ้น ตอนนั้นก็บอกลูกตลอดว่าอย่างอแงนะ เดี๋ยวหนูตัวเล็ก ถ้าแม่กินไม่ได้ :)

เดือนพย. 54 ตอนนั้นว่างหลายวัน เลยชวนโน๊ตไปสวัสดีพ่อตาแม่ยายที่ขอนแก่น และไปเที่ยวจังหวัดเลย (ภูเรือ เชียงคาน) สนุกมากมาย ขากลับไปขึ้นเครื่องที่อุดร มาลง กทม. แล้วต่อรถตู้มาหัวหิน นั่งแถวหลังสุด ขับก็ซิ่ง ตอนนั้นตัวกระเด้งขึ้นๆลงๆตลอดทาง เป็นห่วงลูกมาก ว่าจะกระเทือนลูกรึเปล่า พอกลับมาถึงหัวหินไม่กี่วันก็ได้เรื่อง วันนั้นโน๊ตไปอยู่เวรกลางคืน ฉันนอนที่แฟลต เดินไปเข้าห้องน้ำ ก็เจอเลือดออกเยอะ เหมือนประจำเดือนมา แต่ไม่ปวดท้อง ตอนนั้นตกใจมาก รีบโทรบอกโน๊ต มืดแปดด้าน เพราะอยู่คนเดียวด้วย นอนร้องไห้ โน๊ตรีบกลับมาหา พร้องเบิกยากันแท้งมาให้ด้วย แล้วก็กลับไปทำงานต่อ สรุปคืนนั้นนอนนิ่งๆทั้งคืน นอนก็ไม่หลับ เพราะอยู่คนเดียว ยอมรับว่ากลัวมาก กลัวลูกจะไม่อยู่กับเรา เเต่ด้วยความที่กังวลมาก เลยเดินจากแฟลตมาห้องUS ดูว่าลูกยังอยู่รึเปล่า ก็พบว่าลูกยังอยู่ดี หัวใจยังกระพริบๆอยู่ เลยโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง งั้นครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นแท้งคุกคามไป ตอนเช้า เลยไปหาหมอสูติที่รพ.หัวหิน ให้ตรวจconfirm ก็ USดู หมอบอกว่าลูกปกติดี รกยังคลุมปากมดลูกอยุ่เพราะครรภ์ยังอ่อน ช่วงนี้ให้งดเดิน งดทำกิจกรรมต่างๆไปก่อน ให้นอนนิ่งๆสัก2-3วัน และให้ลางานสักอาทิตย์นึง เลยได้นอนพักยาวเลย ตอนนั้นเลือดก็ออกน้อยลงๆ จนหยุดไป ดีใจมาก แต่....

ความวัวยังหายไม่สนิท ความควายก็เข้ามาแทรก ถึงเวลาต้องย้ายที่ทำงานมาภูเก็ต ต้องนั่งรถนานอีกแล้ว (หัวหิน-ภูเก็ต) ขนาดนั่งเฉยๆนะ พอมาถึงภูเก็ตก็เลือดออกอีก เศร้าจัง เลยไปตรวจ พร้อมเริ่มฝากครรภ์จริงจังที่รพ.กรุงเทพภูเก็ต เพราะรพ.ที่ฉันทำอยู่ไม่มีหมอสูติผู้หญิง อิอิ แอบเขิน เลยต้องไปฝากรพ.ที่โน๊ตทำงาน ตรวจแล้วก็พบว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

คราวนี้ฉันก็ได้ตั้งตารอเจอตัวน้อยของแม่อย่างใจจดจ่อ...

แม่ลองโพสบ้างน้า

หิวมั้ยเอ่ย...
อันนี้เป็นเบรคสุดเริ่ดที่คุณแม่มีโอกาสไปกินตอนประชุม CT colonoscopy ที่ ร.ร. Renaissance Phuket
Cup cake กับ macaron ได้คะแนนเต็ม 10 เลยจ้า

คุณแม่ขารีบมาเล่าเรื่องของนานาเถอะค่ะ